วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

สัปดาห์ที่ 3 
บันทึกอนุทิน
วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย 
วัน/เดือน/ปี 4 กันยายน พ.ศ.2557
ครั้งที่ 3 เวลาเรียน พฤหัสเช้า 08.30 น.
เวลาเข้าเรียน 08.30 น. ห้อง 233 อาคาร 2

รูปแบบการเรียนรู้เด็กปฐมวัย
      คุณลักษณะตามวัยของเด็กอายุ 3-5ปี ที่กำหนดไว้ในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ.2546 มีดังนี้


ธรรมชาติของเด็กปฐมวัยอายุ 3-5 ปี


ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิคของพาฟลอฟ ( Pavlov )

          ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิค (Classical Conditioning) ผู้ที่ทำการศึกษาทดลองในเรื่องนี้คือ พาฟลอฟ (Pavlov) ทำการศึกษาทดลองกับสุนัข โดยฝึกสุนัขให้ยืนนิ่งอยู่ในที่ตรึงในห้องทดลอง ที่ข้างแก้มของสุนัขติดเครื่องมือวัดระดับการไหลของน้ำลาย การทดลองแบ่งออกเป็น 3 ขั้น คือ ก่อนการวางเงื่อนไข ระหว่างการวางเงื่อนไข และหลังการวางเงื่อนไข

ขั้นที่ 1 เสียงกระดิ่ง (CS) ไม่มีน้ำลาย ผงเนื้อ (UCS) น้ำลายไหล (UCR)
ขั้นที่ 2 เสียงกระดิ่ง น้ำลายไหล (UCR) และผงเนื้อ (UCS) ทำขั้นที่ 2 ซ้ำกันหลายๆครั้ง
ขั้นที่ 3 เสียงกระดิ่ง (CS) น้ำลายไหล (CR) 

        การเรียนรู้แบบวางเงื่อนไขแบบคลาสสิคคือการตอบสนองที่เป็นไปโดยอัตโนมัติเมื่อนำสิ่งเร้าใหม่มาควบคู่กับสิ่งเร้าเดิม ซึ่งนักจิตวิทยาเรียกพฤติกรรมการตอบสนองนี้ว่าพฤติกรรมเรสปอนเด้นท์

ภาพ แสดงผลการทดลอง

             Pavlovพบว่า ถ้าสั่นกระดิ่งพร้อมกับการให้อาหารทุกครั้งสุนัขที่หิวเมื่อเห็นอาหารหรือได้กลิ่นจะหลั่งน้ำลายหลังจากการฝึกเช่นนี้มานาน เสียงกระดิ่งเพียงอย่างเดียวสามารถทำให้สุนัขหลั่งน้ำลายได้ การทดลองนี้สิ่งเร้าคือ อาหารเป็นสิ่งเร้าที่แท้จริง หรือ สิ่งเร้าที่ไม่มีเงื่อนไข ( unconditioned stimulus ) ส่วนเสียงกระดิ่งเป็นสิ่งเร้าไม่แท้จริงหรือ สิ่งเร้ามีเงื่อนไข ( conditioned stimulus )

ก่อนวางเงื่อนไข

 ขณะวางเงื่อนไข

หลังจากวางเงื่อนไข

การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ( การทดลองของ Watson )
- ความรู้สึกบางอย่างมีมาตั้งแต่กำเนิด เช่น ความรัก ความโกรธ ความกลัว ฯลฯ
การทดลองของWatson
        วัตสันได้ทำการทดลองเกี่ยวกับการเรียนรู้ของคน โดยใช้เด็กชาย Albert อายุประมาณ 2 ขวบ โดยที่เขาให้ข้อสังเกตว่า โดยธรรมชาติแล้วเด็กๆจะกลัวเสียงที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน จุดประสงค์ของการทดลองคือการให้ Albert เอื้อมมือจะจับหนู Watson ใช้ค้อนตีเหล็กเสียงดังสนั่น เด็กแสดงอาการตกใจกลัว หลังจากนั้น เด็กแสดงอาการกลัวหนูถึงแม้ไม่ได้ยินเสียงฆ้องตีดังๆ ก็ตาม ในสถานการณ์เช่นรี้เด็กเกิดการเรียนรู้ชนิดเชื่อมโยงระหว่างเสียงดัง ซึ่งทำให้เด็กเกิดความกลัวขึ้นตามธรรมชาติกับหนู
        จากการทดลองของ Watson ปรากฎว่า Albert มิได้กลัวแต่เพียงหนูเท่านั้น แต่จะกลัวสัตว์มีขนทุกชนิด รวมทั้งเสื้อที่มีขนด้วย ความสำเร็จครั้งนี้ของวัตสัน ทำให้เขาคิดว่าเขาจะสามารถควบคุมพฤติกรรมทุกชนิดของคนได้



หลักการ/แนวคิดสู่การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
นัการศึกษา / หลักการ แนคิด

กีเซลล์ (Gesell)
  • พัฒนาการของเด็กเป็นไปอย่างมีแบบแผนและเป็นขั้นตอน เด็กควรพัฒนาไปตามธรรมชาติไม่ควรเร่งหรือบังคับ
  • การเรียนรู้ของเด็กเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหว การใช้ภาษา การปรับตัวเข้าสังคมกับบุคคลรอบข้าง
การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
  • จัดกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ
  • ให้เด็กได้เล่นกลางแจ้ง
  • จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ฝึกการใช้มือและประสาทสัมพันธ์มือกับตา
  • จัดกิจกรรมให้เด็กได้ฟัง ได้พูดท่องคำ
ฟรอยด์ ( Freud )
  • ประสบการณ์ในวัยเด็กส่งผลต่อบุคลิกภาพของคนเราเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ หากเด็กไม่ได้รับการตอบสนองอย่างเพีงพอจะเกิดอาการชะงัก พฤติกรรมถดถอย คับข้องใจ ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก
การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
  • ครูเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งการแสดงออก ท่าที วาจา
  • จัดกิจกรรมเป็นขั้นตอน จากง่ายไปหายาก
  • จัดสิ่งแวดล้อมที่บ้านและโรงเรียนเพื่อส่งเสริมพัฒนาบุคลิกภาพของเด็ก
อิริคสัน ( Erikson )
  • ถ้าเด็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เด็กพอใจ ประสบผลสำเร็จ เด็กจะมองโลกในแง่ดี มีความเชื่อมั่นและไว้วางใจผู้อื่น
  • ถ้าเด็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี ไม่พอใจ จะมองโลกในแง่ร้าย ขาดความเชื่อมั่นในตนเองและไม่ไว้วางใจผู้อื่น
การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
  • จัดกิจกรรมให้เด็กได้ประสบผลสำเร็จ พึงพอใจต่อสภาพแวดล้อมของห้องเรียน เพื่อน ครู
  • จัดบรรยากาศในห้องเรียนให้เด็กมีโอกาสสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อสภาพแวดล้อม ครู และเพื่อนๆ
เพียเจท์ ( Piaget )
  • พัฒนาการทางด้านเชาว์ปัญญาของเด็กเกิดจากการที่เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเด็กมีการรับรู้จากสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลาและมีการปรับขยายประสบการณ์เดิม ความคิดและความเข้าใจให้ขยายมากขึ้น
  • พัฒนาการของเด็กปฐมวัย ( 0-6ปี )
         1) ขั้นประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหว วัย 0-2ปี เด็กเรียนรู้ทุกอย่างทางประสาทสัมผัสทุกด้าน
         2) ขั้นความคิดก่อนปฏิบัติการวัย 2-6ปี เริ่มเรียนภาษาพูดและภาษาท่าทางในการสื่อสาร ยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง คิดหาเหตุผลไม่ได้ จัดหมวดหมู่ได้ตามเกณฑ์ของตนเอง
การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
  • จัดกิจกรรมให้เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5
  • จัดให้เด็กฝึกฝนทักษะ การสังเกต การจำแนกเปรียบเทียบ
  • จัดกิจกรรมให้เด็กมีโอกาสคิดหาเหตุผล เลือกและตัดสินใจสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง
  • จัดให้เด็กได้เรียนรู้จากสิ่งใกล้ตัวไปสู่เรื่องไกลตัวและมีลักษณะที่เป็นรูปธรรม
ดิวอี้ ( Dewey )
  • เด็กเรียนรู้โดยการกระทำ
การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
    • จัดกิจกรรมให้เด็กได้ประสบผลสำเร็จ พึงพอใจต่อสภาพแวดล้อมของห้องเรียน เพื่อน ครู
    • จัดบรรยากาศในห้องเรียนให้เด็กมีโอกาสสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อสภาพแวดล้อม ครู และเพื่อนๆ
    สกินเนอร์ ( Skinner )
    • ถ้าเด็กได้รับการชมเชยและประสบผลสำเร็จในการทำกิจกรรม เด็กสนใจที่ทำต่อไป
    • เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ไม่มีใครเหมือนใคร
    การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
    • ให้แรงเสริม เช่น ชมเชย ชื่นชม เมื่อเด็กทำกิจกรรมประสบผลสำเร็จ
    • ไม่นำเด็กมาเปรียบเทียบแข่งขันกัน
    เปสตาลอสซี่ ( Pestalozzi )
    • ความรักเป็นพื้นฐานสำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาเด็ก ทั้งด้านร่างกายและสติปัญญา
    • เด็กแต่ละคนแตกต่างกัน ทั้งด้านความสนใจ ความต้องการ และระดับความสามารถในการเรียน
    • เด็กไม่ควรถูกบังคับให้เรียนรู้ด้วยการท่องจำ
    การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
    • จัดกิจกรรมเตรียมความพร้อม ให้ความรัก ให้เวลา และให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์
    เฟรอเบล ( Froeble )
    • ควรส่งเสริมพัฒนาการตามธรรมชาติของเด็กด้วยการกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ อย่างเสรี
    • การเล่นเป็นการทำงานและการเรียนรู้ของเด็ก
    การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
    • จัดกิจกรรมเรียนรู้ผ่านการเล่นอย่างเสรี
    เอลคายน์ ( Elkind )
    • การเร่งเด็กให้เรียนรู้แต่เด็กเป็นอันตรายต่อเด็ก
    • เด็กควรมีโอกาสเล่นและเลือกกิจกรรมการเล่นด้วยตนเอง
    การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
    • จัดบรรยายกาศในห้องเรียนให้เด็กมีโอกาสเล่นและเลือกกิจกรรมการเล่นด้วยตนเอง
    การพัฒนาการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย

             สรุป หลักการจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย
             พัฒนาเด็กให้ครบทุกพัฒนาการ เน้นให้เด็กช่วยเหลือตนเองและอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข กิจกรรมที่จัดต้องมีความสมดุล ยึดเด็กเป็นสำคัญ และต้องประสานสัมพันธ์กับครอบครัวและชุมชน

    วิธีการสอน ( Teaching methods )
           การใช้ powerpoint ในการสอน และให้นักศึกษาได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในชั้นเรียน

    การนำไปประยุกต์ใช้ ( Applications )
           นำความรู้เรื่องแนวคิดทฤษฎีและการปฏิบัติการพัฒนาเด็ก ไปปรับใช้ในการเรียนการสอนในวันข้างหน้าได้  

    การประเมิน ( Assessment )
    • ตนเอง : เข้าเรียนตรงต่อเวลา ให้ความร่วมมือในการตอบคำถาม
    • เพื่อน : เพื่อนส่วนใหญ่แต่งการถูกระเบียบ จะมีส่วนน้อยเท่านั้นที่มีผิดระเบียบบ้างเล็กน้อย
    • อาจารย์ : แต่งการสุภาพเรียบร้อย มีการสอนโดยใช้ powerpoint ที่มีเนื้อหาไม่มากเกินไป ทำให้การเรียนการสอนไม่น่าเบื่อ

    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น